1

โดมเอสกิโม

อู่ต่อเรือเสม็ดงาม อนุสรณ์สถานกู้ชาติ "พระเจ้าตาก"

"วัดเขาสุกิม" จันทบุรี ด้วยแรงศรัทธา หลวงปู่สมชาย


"เนินนางพญา" จุดชมวิวขึ้นชื่อเมืองจันท์

หาดแหลมเสด็จ ชายหาดแนวโค้งพระจันทร์เสี้ยว เงียบสงบ ร่มรื่น

เซนทรัลจันทบุรี ศูนย์การค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองจันท์

พาชิม!!! ขนมแปลกพื้นบ้าน ที่ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว

"หางมังกร" วัดมังกรบุปผาราม เล่งฮัวยี่ จันทบุรี


"หาดเจ้าหลาว" จันทบุรี ชิมอาหารทะเลสด ชิลหาดทรายสวย

"อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล" โบสถ์คริสต์ใหญ่ที่สุดในไทย

 อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณริมคลองจันทบุรี ตรงข้ามชุมชนเก่าแก่จันทบูร ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี


 วิหารปัจจุบันนี้เป็นหลังที่ 5 ซึ่งบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ทำพิธีเสกขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2452 และก่อสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล เดิมวิหารติดยอดแหลมบริเวณหอระฆังทั้ง 2 หอ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี พ.ศ. 2483 ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ทำการรื้อออกด้วยเหตุผลว่าจะเป็นเป้าทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ จนภายหลังสงครามยุติก็ได้นำมาติดตั้งอีกครั้งในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 วิหารแห่งนี้มีอายุรวมแล้วกว่า 115 ปี

อาสนวิหารนับเป็นวิหารที่อยู่คู่ชุมชนชาวจันทบูรมาช้านาน นับตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ วิหารแห่งแรกได้ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวญวน 130 คน ที่หนีการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในประเทศเวียดนาม เข้ามาตั้งรกรากในปี พ.ศ. 2254 โดยมีบาทหลวงเฮิ้ต โตแลนติโน เป็นผู้ดูแลกลุ่มชาวญวนเหล่านี้ และได้ทำการก่อสร้างวิหารหลังแรกขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2273-2295 ต่อมาได้เกิดเหตุไม่สงบในหมู่บ้านทำให้คริสตชนบางส่วนเดินทางออกจากหมู่บ้าน ทิ้งวิหารจนเสื่อมโทรม จนมีการสร้างวิหารใหม่เป็นหลังที่ 2 ในปี พ.ศ. 2295 โดยบาทหลวงเดอกัวนา ในสมัยคุณพ่อมัทเทียโดเป็นอธิการโบสถ์ ได้ทำการสร้างวิหารอีกครั้งเป็นหลังที่ 3 โดยได้ทำการย้ายมาตั้งในบริเวณที่ตั้งปัจจุบัน (ฝั่งตะวันออก) ในปี พ.ศ. 2377 ในสมัยคุณพ่อรังแฟงเป็นอธิการโบสถ์ได้ทำการสร้างวิหารใหม่เป็นหลังที่ 4 ในปี พ.ศ. 2398 และวิหารหลังปัจจุบันได้ทำการสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล โดยได้พิธีเสกศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2449

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล นับเป็นหนึ่งในวิหารที่มีสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นโบสถ์ระดับชั้นอาสนวิหารแห่งเดียวในฝั่งตะวันออกของไทย มีจุดเด่นที่เด่นชัดคือยอดแหลมบนหอระฆัง 2 หลัง ภายในวิหารมีการตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์ ช่องบานกระจกแบบกอทิก และกระจกงานกระจกสี นอกจากนี้ภายในยังมีแม่พระที่มีความล้ำค่า ซึ่งตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ด หรือกว่า 2 หมื่นกะรัต และฐานซึ่งหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่างๆ วิหารแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย



เที่ยว "น้ำตกพลิ้ว" น้ำใสเย็นตลอดปี

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่ของตำบลพลับพลา ตำบลคมบาง ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ ตำบลมาบไพ ตำบลวังสรรพรส ตำบลตรอกนอง ตำบลซึ้ง ตำบลตะปอน ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง และตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 134.50 ตารางกิโลเมตร หรือ 84,062.50 ไร่ ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์ เทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ทำให้มีอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี ยอดเขาสลับซับซ้อนสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 20-924 เมตร จุดสูงสุดของพื้นที่อยู่ที่ยอดเขามาบหว้ากรอก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 924 เมตร และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย อยู่ห่างจากจังหวัดจันทบุรีประมาณ 14 กิโลเมตร ถนนลาดยางตลอดสายทำให้สะดวกสบายในการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

ทั้งนี้ วันที่ 2 พฤษภาคม 2518 อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 11 ของประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า "อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป" แต่ต่อมา นายผจญ ธนมิตรามณี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสระบาปได้ทำหนังสือขอเปลี่ยนชื่ออุทยานเป็นอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เนื่องจากน้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีน้ำตกตลอดปี อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และเป็นจุดเด่นของอุทยาน ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว"

ชื่อ "พลิ้ว" มาจาก ภาษาชอง แปลว่า "ทราย" หรือ "หาดทราย"


น้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำตลอดปี ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด มากสามารถมองเห็นพื้นล่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทรายในระดับลึกกว่า 2 เมตร ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลอง มีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นที่ตื่นตาตรึงใจกับฝูงปลาแก่ผู้ที่ไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะ "ปลาพลวงหิน"

อลงกรณ์เจดีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสี ได้โปรดปรานให้สร้างเจดีย์ทำด้วยศิลาแลงขึ้น ที่บริเวณหน้าผาด้านหน้า น้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2419 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาส น้ำตกพลิ้ว ด้วยกัน และพระราชทานนามว่า "อลงกรณ์เจดีย์" (นักประวัติศาสต์รค้นคว้าหลักฐานภายหลังพบว่าร.๕ ทรงพระราชทานนามว่า "จุลศิรจุมพฏเจดีย์" ซึ่งกรมศิลปากรได้ให้เปลี่ยนชื่อแล้ว)พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรด น้ำตกพลิ้ว เป็นอย่างยิ่ง และได้เสด็จประพาสหลายคราว โปรดมาก ถึงกับมีพระราชดำรัสว่า "เราได้เห็นน้ำตกอย่างนี้มาสองสามแห่ง คือที่ปีนัง เกาะช้าง และสีพยา เห็นไม่มีที่ไหนจะงามกว่าที่นี่เลย ถ้าจะให้เรานั่งดูอยู่ยังค่ำก็แทบจะได้ด้วยเย็นสบายจริง"

พีระมิดพระนางเรือล่ม (สุนันทานุสาวรีย์) สถูปพระนางเรือล่ม อยู่ในบริเวณ น้ำตกพลิ้ว สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2424) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี


ขอบคุณภาพจาก wikipedia

"เขาคิชฌกูฏ" กับ 1 ปี 1 ครั้ง 1 คำอธิษฐาน ที่เป็นจริง

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอมะขามและอำเภอเขาคิชฌกูฏ อุทยานฯ แห่งนี้เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี มีพื้นที่ 58,310,480 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยภูเขาที่มีทิวทัศน์งดงาม ยอดเขามีความสูง 1,000 เมตร สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอมะขามและอำเภอเขาคิชฌกูฏ อุทยานฯ แห่งนี้เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี มีพื้นที่ 58,310,480 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยภูเขาที่มีทิวทัศน์งดงาม ยอดเขามีความสูง 1,000 เมตร สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายาก คือไม้กฤษณา มีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น กระทิง เสือ หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกชนิดต่าง ๆ ตามลำห้วยมีปลาพลวง ปลาก้าง ปลาหนวด ปลาดุกรำพันอาศัยอยู่ สถานที่น่าสนใจในอุทยาน ฯ ได้แก่ น้ำตกกระทิง มีต้นกำเนิดจากทิวเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 13 ชั้น ใช้เวลาเดินไป-กลับ 3 ชั่วโมง สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ละชั้นห่างกันประมาณ 20 เมตร ชั้นที่ 8-9 เป็นชั้นที่สวยงามที่สุด ระหว่างทางจะผ่านป่าไผ่และพันธุ์ไม้หลากชนิดที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีชายหาดขนาดใหญ่ริมธารน้ำตกที่เกิดจากทรายถูกน้ำป่าพัดลงมา เมื่อ พ.ศ. 2542 ลำธารชั้นล่างของน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 100 เมตร ในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ไปน้ำตกกระทิง ระยะทาง 800 เมตร เดินเป็นวงกลมแล้ววนกลับมาที่เดิม ตลอดเส้นทางจะได้พบพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และมีคำบรรยายเขียนไว้อีกด้วย ยอดเขาพระบาทพลวง ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏ การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวงไปตามถนนลูกรังที่ลาดชันและคดเคี้ยวมาก ระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ระหว่างทางจะมีจุดแวะพักให้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทิวทัศน์บนยอดเขาคิชฌกูฏหรือเขาพระบาทนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาทหลวง หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤๅษี หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ และหากต้องการจะเดินต่อไปจนถึงเขตผ้าแดง ซึ่งเป็นเขตสิ้นสุดที่สามารถเดินไปได้จะต้องเดินขึ้นเขาต่อจากลานพระบาทไปอีก 800 เมตร บนยอดเขาพระบาทมีอากาศเย็นสบาย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน เฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงช่วงวันมาฆบูชาของทุกปีจะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและกลางคืนเป็นจำนวนมาก น้ำตกคลองไพบูลย์ เป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่ เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ บรรยากาศร่มรื่น อยู่ในบริเวณหน่วยพิทักษ์ที่ คก. 2 (คลองไพบูลย์) ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 8 กิโลเมตร บริเวณน้ำตกมีลานกางเต็นท์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเองเสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ คนละ 30 บาท ต่อคืน

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น